อบรมเฉพาะทาง
หลักการและเหตุผล
โรคติดเชื้อทั้งโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ รวมถึงโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลและในชุมชน เป็นปัญหาทางสาธารณสุขที่สำคัญ ดังสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด 19 ซึ่งส่งผลกระทบที่รุนแรงไปทั่วโลกในทุกมิติ รวมถึงระบบบริการสุขภาพ รวมถึงโรคฝีดาษวานร วัณโรค และเชื้อดื้อยาจ้านจุลชีพ ดังนั้นจำเป็นต้องมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถเฉพาะในการป้องกันและการควบคุมการติดเชื้อ ซึ่งพยาบาลควบคุมการติดเชื้อเป็นบุคคลที่มีบทบาทสำคัญ การดำเนินการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อ ต้องอาศัยองค์ความรู้ทางวิทยาการระบาด ร่วมกับการประยุกต์ใช้องค์ความรู้หรือแนวคิดทฤษฎีทางการพยาบาล และทฤษฎีด้านพฤติกรรมศาสตร์ เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติที่ถูกต้องในการป้องกันโรคติดเชื้อของประชาชนและบุคลากรสุขภาพ โดยการสร้างองค์ความรู้และทักษะการปฏิบัติการพยาบาลในการดำเนินงานด้านการเฝ้าระวังการติดเชื้อ การจัดการการระบาดของโรคติดเชื้ออุบัติใหม่ อุบัติซ้ำ การพัฒนาและกำกับระบบการดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อและการควบคุมการติดเชื้อ การประสานงาน การสอนให้บุคลากรสุขภาพปฏิบัติตามแนวปฏิบัติ การให้การปรึกษาทางคลินิก การวิจัย การพัฒนานวัตกรรม และการใช้ผลการวิจัยหรือหลักฐานเชิงประจักษ์ในการดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อ และการจัดการด้านคุณภาพและผลลัพธ์เพื่อลดปัญหาการติดเชื้อโรคอุบัติใหม่และโรคอุบัติซ้ำ โรคติดเชื้อในโรงพยาบาลและในชุมชน โดยการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศ เพี่อสร้างพยาบาลด้านการควบคุมการติดเชื้อในระดับมหาบัณฑิตที่มุ่งเน้นการเป็นนักวิชาการหรือผู้ปฏิบัติที่มีความสามารถในการปฏิบัติบทบาทการพยาบาลในด้านการดูแลผู้ป่วยโรคติดเชื้อที่มีปัญหาซับซ้อนและการควบคุมการติดเชื้อ
สำหรับปัญหาโรคติดเชื้อในประเทศไทยคล้ายคลึงกับทั่วโลก ซึ่งเป็นปัญหาที่พบได้ทั้งในโรงพยาบาลและในชุมชน โดยในแต่ละปีมีผู้ป่วยโรคติดเชื้อเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลของกระทรวงสาธารณสุขทั่วประเทศประมาณ 2.1 ล้านราย ตลอดจนปัญหาเชื้อดื้อยาต้านจุลชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และมีการแพร่กระจายไปสู่ชุมชนมากยิ่งขึ้น ในแต่ละปีมีผู้ป่วยที่รับไว้รักษาในโรงพยาบาลทั้งหมดประมาณ 4 ล้านราย และพบว่ามีผู้ป่วยเกิดการติดเชื้อในโรงพยาบาลประมาณ 256,000 ราย ซึ่งผู้ป่วยเหล่านี้จะมีอัตราการตายโดยตรงจากโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลร้อยละ 6.7 และโรคติดเชื้อเป็นสาเหตุร่วมร้อยละ 3.0 ดังนั้น คาดว่าจะมีผู้ป่วยเสียชีวิตจาก โรคติดเชื้อในโรงพยาบาลประมาณ 17,152 รายต่อปี นอกจากการเจ็บป่วยและการสูญเสียชีวิตแล้ว ยังทำให้ต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจ เนื่องจากผู้ป่วยต้องนอนรักษาในโรงพยาบาลเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 11 วัน ต่อการติดเชื้อ 1 ครั้ง เสียค่ายาต้านจุลชีพประมาณ 6,000 บาทต่อการติดเชื้อ 1 ครั้ง ทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเฉพาะค่ายาต้านจุลชีพประมาณ 1,704 ล้านบาทต่อปี นอกจากนี้โรคติดเชื้อยังอาจเกิดขึ้นกับบุคลากรในโรงพยาบาล เช่น แพทย์ พยาบาล เภสัชกร เจ้าหน้าที่ห้องปฏิบัติการจุลชีววิทยา เป็นต้น โดยพบบุคลากรในโรงพยาบาลมีการติดเชื้อโรคโควิด 19 วัณโรค ไข้หวัดใหญ่ สุกใส และหัด จากการให้บริการทางการแพทย์และสาธารณสุข
ในอนาคตความเจริญก้าวหน้าทางด้านการแพทย์ จะทำให้ผู้ป่วยมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้นโดยวิธีการรักษาต่างๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการสอดใส่อุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าสู่ร่างกายผู้ป่วย ส่งผลให้ผู้ป่วยมีโอกาสติดเชื้อเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังการใช้ยาต้านจุลชีพมากขึ้น ทำให้เกิดเชื้อแบคทีเรียดื้อยาต้านจุลชีพมากขึ้นเนื่องจากไม่มีการควบคุมการใช้ยาต้านจุลชีพให้เหมาะสม ปัญหาโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลจะเป็นปัญหาสาธารณสุขที่มีความสำคัญอย่างมากในอนาคต หากขาดมาตรฐานป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อที่มีประสิทธิภาพ ดังนั้นโรงพยาบาลต่าง ๆ จำเป็นต้องดำเนินการพัฒนาระบบการป้องกันและควบคุมการติดเชื้ออย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง เพื่อลดการติดเชื้อในโรงพยาบาล ลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพลงและไม่เกิดการแพร่กระจายเชื้อสู่ชุมชนและสิ่งแวดล้อม การพัฒนาบุคลากรในด้านการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อจึงมีความสำคัญ ซึ่งการมีพยาบาลควบคุมการติดเชื้อเป็นองค์ประกอบที่สำคัญอย่างหนึ่งในการดำเนินการดังกล่าว การสาธารณสุขในประเทศไทยจึงจำเป็นที่จะต้องพัฒนาพยาบาลควบคุมการติดเชื้อให้มีความรู้ทางการแพทย์และเทคโนโลยีที่ทันสมัยและทันต่อการเปลี่ยนแปลง
คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้ตระหนักถึงความสำคัญดังกล่าว จึงได้จัดหลักสูตรการพยาบาลเฉพาะทาง สาขาการพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อและการควบคุมการติดเชื้อขึ้น โดยคาดหวังว่า ผู้ที่ผ่านการอบรมในหลักสูตรนี้ จะสามารถปฏิบัติในบทบาทพยาบาลควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลได้อย่างมีประสิทธิภาพ และสามารถเป็นแกนนำในการพัฒนางานด้านการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อในโรงพยาบาลต่อไปในอนาคต
ระหว่างวันที่ 17 เมษายน - 6 สิงหาคม 2566 ณ คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566
วัตถุประสงค์
ผู้สำเร็จการศึกษาอบรมในหลักสูตรมีความรู้เกี่ยวกับสถานการณ์โรคติดเชื้อในประเทศไทย นโยบายด้านสุขภาพ นโยบายและแผนด้านการป้องกันและควบโรคติดเชื้อ ระบาดวิทยาของโรคติดเชื้อ แนวทางการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ สามารถปฏิบัติตามบทบาทของพยาบาลควบคุมการติดเชื้อ ประเมินภาวะสุขภาพและคัดกรองผู้ป่วยโรคติดเชื้อ พัฒนางานด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อ นำผลการวิจัยหรือหลักฐานเชิงประจักษ์ไปประยุกต์ใช้ในการป้องกันและควบคุมโรคติดเชื้อ ตลอดจนสามารถใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในงานด้านการป้องกันและควบคุมการติดเชื้อได้
กำหนดการรับสมัคร
- ปิดรับสมัคร วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2566
- ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ วันที่ 1 มีนาคม 2566
- กำหนดสอบสัมภาษณ์ วันที่ 9-10 มีนาคม 2566 (ทาง Zoom Meeting)
- ประกาศรายชื่อผู้ผ่านการคัดเลือก วันที่ 14 มีนาคม 2566
- รายงานตัว ทางโทรศัพท์ เบอร์ 053-936074 ระหว่างวันที่ 14 - 21 มีนาคม 2566
- ชำระค่าลงทะเบียน 50,000 บาท ระหว่างวันที่ 14 - 24 มีนาคม 2566
ค่าลงทะเบียน
- ค่าลงทะเบียน คนละ 50,000 บาท (ห้าหมื่นบาทถ้วน)
ผู้ผ่านการคัดเลือกเข้าอบรมทุกคนต้องนำประวัติการรับวัคซีนหรือผล การตรวจ Antibody ต่อเชื้อ ดังต่อไปนี้มาแสดงในวันเปิดอบรม
- ไข้หวัดใหญ่ ,บาดทะยัก คอตีบ ไอกรน ,หัด คางทูม หัดเยอรมัน
- โรคสุกใส ,ไวรัสตับอักเสบ บี ,ไวรัสตับอักเสบ ซี และผลการอ่านภาพ เอกซเรย์ทรวงอก ไม่เกิน 1 ปี
เอกสารประกอบการสมัคร
- ใบสมัครลงทะเบียนและสำเนาหลักฐานการโอนเงิน ค่าสมัครจำนวน 500 บาท
- สำเนาใบอนุญาตประกอบวิชาชีพการพยาบาลและผดุงครรภ์
- หนังสืออนุมัติให้ลาศึกษาต่อจากผู้บังคับบัญชา
โปรดส่งเอกสารประกอบการสมัครพร้อมกับชำระค่าสมัคร 500 บาท ตามวันเวลาที่กำหนด โดยชำระค่าลงทะเบียนผ่านบัญชีออมทรัพย์ธนาคารไทยพาณิชย์สาขาคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ชื่อบัญชี “ศูนย์บริการพยาบาล มหาวิทยาลัยเชียงใหม่” เลขที่บัญชี 566–4–12445-8
ช่องทางการส่งเอกสารประกอบการสมัคร
- สมัครออนไลน์ที่ www.cmu.to/nsc
- ทาง E-mail nsccmunews@gmail.com
- ทาง Line ID : NSCCMUลงทะเบียน/เบอร์ 081-9925828
- ทางไปรษณีย์ ถึง ศูนย์บริการพยาบาล คณะพยาบาลศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 110/406 ถนนอินทวโรรส ตำบลสุเทพ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ 50200
- ทางโทรสาร หมายเลข 053-212629
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม
โทรศัพท์ : 053-936074, 053-949151, 081-9925828 โทรสาร : 053-212629 Email : nsccmunews@gmail.com Facebook : www.facebook.com/nsccmu