อบรมระยะสั้น

หลักการและเหตุผล

ในขณะนี้ทั่วโลกกำลังประสบกับจำนวนผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิต (Sepsis) ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยพบว่ามีผู้ติดเชื้อในกระแสโลหิตทั่วโลกมากกว่า 30 ล้านคน โดยทุกปีจะมีผู้เสียชีวิตจากสาเหตุดังกล่าวมากกว่า 6 ล้านคนและเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่ง เช่นเดียวกับในประเทศไทยที่พบว่าการเสียชีวิตของผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตมีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของผู้ป่วยที่เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล คือมากกว่า 70 ต่อแสนประชากร การติดเชื้อในกระแสโลหิตจึงเป็นภาวะเร่งด่วนในการรักษาพยาบาล ซึ่งหากไม่ได้รับการรักษาทันทีจะมีอัตราตายที่สูงมาก คณะผู้เชี่ยวชาญด้านเวชบําบัดวิกฤตระดับโลกได้ทบทวนการศึกษาและหลักฐานเชิงประจักษ์อย่างเป็นระบบ   เพื่อปรับปรุงแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด เริ่มตั้งแต่ปีค.ศ. 2004 ซึ่งก็คือการจัดทำแนวทางการดูแลผู้ป่วยของ Surviving Sepsis Campaign (SSC) แนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตดังกล่าวมีองค์ประกอบหลายมิติที่มีความสำคัญในการคงไว้ซึ่งความสมดุลของการทำงานของอวัยวะต่างๆในร่างกายเพื่อความรอดของชีวิต หากมีการล้มเหลวมากกว่าสองอวัยวะขึ้นไปจะทำให้ผู้ป่วยสูญเสียชีวิตได้อย่างรวดเร็ว ในมิติเหล่านี้พยาบาลที่ปฏิบัติงานในทุกระดับของสถานบริการสุขภาพมีส่วนเกี่ยวข้องที่ต้องร่วมกันดูแล เริ่มตั้งแต่การประเมินเพื่อคัดกรองในระยะแรกๆในชุมชน การกู้ชีวิตโดยการให้สารละลายและยา การจัดการการติดเชื้อ การใช้เครื่องช่วยหายใจ การควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด การฟื้นฟูสภาพผู้ป่วย หรือแม้กระทั่งการดูแลในระยะท้ายของชีวิตในขณะที่ผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาอีกต่อไปแล้ว  ดังนั้นพยาบาลจึงมีความจำเป็นที่จะต้องติดตามและทำความเข้าใจกับรายละเอียดในแต่ละมิติของแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตอย่างครอบคลุม โดยเฉพาะในแนวทางการดูแลที่ได้รับการปรับปรุงครั้งล่าสุดในปี 2021นี้

ระหว่างวันที่ 27 - 29 เมษายน 2565
อบรมทาง Online ผ่าน Application Zoom

เปิดรับสมัครตั้งแต่บัดนี้ไปจนถึงวันที่ 22 เมษายน 2565 (ได้รับ 21.5 หน่วยคะแนนCNEU)

วัตถุประสงค์ เพื่อให้ผู้เข้าร่วมประชุม

1. ได้รับความรู้ ความเข้าใจในแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตปี 2021
2. ได้รับความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับบทบาทพยาบาลในแต่มิติของแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตปี 2021
3. สามารถนำความรู้ในแนวทางการดูแลรักษาผู้ป่วยติดเชื้อในกระแสโลหิตไปใช้ในผู้ป่วยกลุ่มเป้าหมายได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ